เว็บอนันตสุขดอทคอม ได้รับรางวัลชมเชย การนำเสนอเว็บข้อมูลสร้างสรรค์ ตามโครงการ Web Award : Create & Share White Content แคมเปญ “สิ่งเล็กๆ ที่สร้างลูก” ได้รับเกียรติบัตรและเงินรางวัล 5,000 บาท จากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสมาคมผู้ดูแลเว็บไทย
ประกาศผล : 10 มกราคม 2557
ลิงค์ประกาศผล : http://www.webmaster.or.th/webaward/
ผลงานแคมเปญสำหรับผู้ปกครอง : “สิ่งเล็กๆ ที่สร้างลูก” : http://www.anantasook.com/content/parent/
ช่วงปฐมวัย หมายถึง เด็กในวัยแรกเกิด จนถึง 6 ปี ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด และเป็นรากฐานของชีวิต หากเด็กได้รับการเลี้ยงดูที่ดี ได้รับความรัก และการเอาใจใส่ที่สอดคล้องตามวัย ก็จะทำให้เด็กเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ มีทักษะและพัฒนาการด้านต่างๆอย่างเต็มศักยภาพ
แต่จากผลการสำรวจทำให้เราเห็นว่า มีความไม่เท่าเทียมกันของพัฒนาการและโอกาสในการเรียนรู้ของ เด็กอยู่ค่อนข้างมาก ซึ่งเด็กไทยมีปัญหาเรื่องการเรียนรู้ หรือปัญหาเรื่องพัฒนาการ อยู่เกือบ 30% โดยมีสาเหตุมาจาก 3 ปัจจัย คือ
1. ปัจจัยจากการเลี้ยงดู เด็กขาดโอกาสที่จะได้รับการสนับสนุนและการดูแลที่ดีจากคนที่อยู่ใกล้ตัวมากที่สุด นั่นคือ จากพ่อและแม่
2.ปัจจัยจากพ่อแม่ เมื่อเด็กเติบโตขึ้น พ่อแม่ไม่สามารถสนับสนุนให้เกิดพัฒนาการตามช่วงวัยของเด็กได้
3. ปัญหาทางการเรียนรู้ ซึ่งเกิดจากความผิดปกติ หรือความบกพร่องของเด็กเอง
จาก 3 ปัจจัยหลัก สาเหตุใหญ่ที่ทำให้ศักยภาพของเด็กแตกต่างกันก็คือ พวกเขาไม่ได้รับโอกาสในการเรียนรู้อย่างเหมาะสมจากพ่อแม่ ดังนั้นการสร้างความรู้ความเข้าใจในการเลี้ยงดู ให้สอดคล้องกับพัฒนาการของเด็กจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องสื่อสารกับพ่อแม่
ด้วยรูปแบบวิถีชีวิตในปัจจุบันที่พ่อแม่ต้องทำงานนอกบ้าน และการเปลี่ยนแปลงจากครอบครัวขยายเป็นครอบครัวเดี่ยว ทำให้สภาพการเลี้ยงดูเด็กเปลี่ยนแปลงไป การเรียนรู้ที่เกิดจากคนในครอบครัว และกิจกรรมที่ส่งเสริมพัฒนาการด้านต่างๆภายในบ้านจึงมีน้อย เด็กใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับเทคโนโลยี เช่น โทรทัศน์ เกม คอมพิวเตอร์ หรือ แท็บเล็ต หรือบางครอบครัวฝากการดูแลรับผิดชอบเรื่องการเสริมสร้างพัฒนาการของลูกไปไว้ ตามสถาบันพัฒนาการเด็ก หรือการศึกษาในโรงเรียน โดยคิดว่า ตัวเองไม่มีเวลา หรือไม่มีความสามารถที่จะเสริมสร้างทักษะต่างๆให้ลูกได้
ในความเป็นจริงนั้น การเสริมสร้างพัฒนาการของเด็ก พ่อแม่เป็นผู้มีบทบาทสำคัญ เนื่องจากเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิด เป็นผู้ที่ใช้เวลากับเด็กมากที่สุด หากพ่อแม่มีความเข้าใจ ใช้เวลาคุณภาพในการเสริมสร้างพัฒนาการให้กับลูก ด้วยการเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิด ผ่านกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวัน สิ่งเล็กๆน้อยๆที่เกิดจากความใส่ใจของพ่อแม่ ย่อมเป็นรากฐานสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ให้กับลูกในวันข้างหน้า
แนวคิดหลักในการสื่อสาร แคมเปญ “สิ่งเล็กๆที่สร้างลูก”
ตอกย้ำว่าพ่อแม่ คือ ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมพัฒนาการของลูก และจุดประกายให้พ่อ แม่ได้เห็นโอกาสในการสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้กับลูก ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใดๆในชีวิตประจำวัน โดยหน้าที่ของการสื่อสารในครั้งนี้ คือ
1. สร้างความตระหนักในสังคม สร้างทัศนคติใหม่ และเปลี่ยนแปลงความเชื่อดั้งเดิมของพ่อแม่ ผู้ปกครอง เช่น
– ที่อาจเคยเชื่อว่า ลูกจะเก่งและมีพัฒนาการที่ดีได้ ต้องมีครูพิเศษ มีของเล่นราคาแพง แต่ความจริงแล้ว พ่อแม่คือครูที่ดีที่สุด ในการสร้างกระบวนการเรียนรู้ของลูก และทำหน้าที่นี้ได้ดีที่สุด
– ที่อาจเคยเชื่อว่า ตนเองไม่มีเวลาที่จะทำกิจกรรมกับลูก แต่ความจริงแล้ว พ่อแม่สามารถใช้ทุกช่วงเวลาที่อยู่กับลูก เช่น ตอนรถติด ตอนอาบน้ำ ทำอาหาร ทำงานบ้าน ให้เป็นเวลาคุณภาพ ที่จะใช้ให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาทักษะด้านต่างๆให้ลูกได้
– ที่อาจเคยเชื่อว่า แค่การใช้เวลาเพียงเล็กๆน้อยๆ หรือทำกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวันร่วมกับลูกนั้นอาจไม่ได้ประโยชน์มากพอ แต่ความจริงแล้ว สิ่งเล็กๆเหล่านี้ให้ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ได้ ทั้งในด้านความสัมพันธ์และพัฒนาการที่ดีของลูก
2. ให้ความรู้ความเข้าใจกับพ่อแม่เกี่ยวกับพัฒนาการของเด็ก และทักษะด้านต่างๆที่ควรเสริมให้กับเด็ก โดยต้องทำให้พ่อแม่รู้ว่า แต่ละกิจกรรมที่ให้เด็กทำนั้นไม่ใช่แค่ความสนุก แต่ยังให้ประโยชน์กับเด็กด้วย
3. จุดประกายให้พ่อแม่เห็นถึงโอกาสในทุกช่วงเวลาว่าสามารถสร้างกระบวนการเรียนรู้กับลูก และเห็น ความสำคัญในการใช้เวลาอย่างมีคุณภาพ เพื่อสร้างพัฒนาการที่ดี ทั้งทางสติปัญญาและการมีทักษะชีวิตที่ดีของลูกหลาน เช่น
– การซักผ้า สามารถชวนลูกมาร่วมเล่นเกมทายสีผ้า เปรียบเทียบขนาดของเสื้อผ้า จัดคู่ชุดกับคนใส่
– ขณะอยู่บนรถ ระหว่างทางไปโรงเรียน แทนที่จะเปิดเพลงเปิดวิทยุ แต่สามารถชวนลูกสังเกต เล่นเกมต่างๆ เช่น หาตัวเลขจากทะเบียนรถ ทายยี่ห้อรถ หารถตามสีที่กำหนด หรือ ชวนพูดคุยเรื่องของเด็กขายพวงมาลัย เพื่อสร้างความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
4. นำเสนอบทเรียนเกี่ยวกับสิ่งที่ควรสอนหรือเสริมสร้างทักษะให้กับลูก พร้อมตัวอย่างที่นำไปปฏิบัติได้จริงในชีวิตประจำวัน ให้พ่อแม่สามารถนำไปเป็นแนวทางในการส่งเสริมและพัฒนาลูกด้านต่างๆได้ เช่น
– การเสริมสร้างทักษะเรื่องการใช้ภาษา สามารถทำได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็น การอ่านนิทานก่อนนอน ชวน อ่านฉลากบนกระป๋อง ดูป้ายสัญลักษณ์บนท้องถนน หรือสร้างบรรยากาศในบ้าน ที่ส่งเสริมให้เด็กรักการอ่าน เช่น จัดมุมหนังสือที่หยิบอ่านง่าย หรือพ่อแม่อ่านหนังสือเป็นประจำ เป็นต้น
– การปลูกฝังเรื่องความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ซึ่งทำได้ผ่านหนังสือนิทานที่มีตัวละครโดนรังแก การให้เด็ก ได้ดูแลน้องหรือสัตว์เลี้ยง หรือการพาเด็กไปทำบุญที่บ้านเด็กกำพร้า
5. สร้างความเชื่อมั่นให้กับพ่อแม่ว่า หากปฏิบัติตามแนวทางนี้ ผลที่ตามมาคือ ลูกจะเติบโตอย่างมีคุณภาพมีพฤติกรรมและพัฒนาการที่ดี
6. ทำให้พ่อแม่ตระหนักว่า เรื่องใหญ่ๆ หรือปัญหาของลูกในอนาคตนั้นจะลดลงได้ หากเริ่มต้นปลูกฝังด้วยสิ่งเล็กๆ ที่เกิดจากความใส่ใจของพ่อแม่ในวันนี้
ขอขอบพระคุณ คณะกรรมการจัดการประกวดโครงการ Web Award 2014 ที่มอบรางวัลแก่เว็บอนันตสุขดอทคอมในครั้งนี้ รางวัลที่ได้รับเป็นกำลังแรงใจ สำหรับการตั้งใจนำเสนอเนื้อหาสาระที่มีประโยชน์ทางด้านการศึกษา ตั้งแต่ก่อนวัยเรียน จนจบการศึกษาไปเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของประเทศไทย ผ่านมุมมองของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งทั้งหมดนี้ มีจุดเริ่มต้นจากพ่อแม่และ “สิ่งเล็กๆ ที่สร้างลูก”
ขอขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก : http://www.webmaster.or.th/webaward/