บริษัท แพคริม (โดยคุณพรทิพย์ อัยยิมาพันธ์ ประธานบริหารและผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัทแพคริม) ได้นำเสนอแนวทางการใช้หลักการ 7 อุปนิสัยสำหรับผู้มีประสิทธิผลสูง ของ สตีเวน โควีย์ ในระบบการศึกษา บริษัทมีพันธกิจ คือ “ร่วมสร้างคนดี คนเก่ง นับล้านคนให้สังคมไทย” ภายใต้ความเชื่อว่า “เด็กทุกคนมีศักยภาพในตนเอง เด็กทุกคนมีความสามารถและเป็นเลิศได้ และเด็กทุกคนสามารถเป็นผู้นำได้” จึงให้ความสำคัญเรื่อง การพัฒนาภาวะผู้นำ และการสร้างวัฒนธรรมภาวะผู้นำของโรงเรียนและผู้ปกครอง เพื่อสร้างเยาวชนที่มีภาวะผู้นำและทักษะชีวิตเพื่อรองรับความต้องการของโลกในศตวรรษที่ 21 บริษัทฯ ได้ร่วมสนับสนุนรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการในการปฏิรูปการศึกษาไทยให้ก้าวไกลยิ่งขึ้นตามแนวทางนโยบาย “ประเทศไทย 4.0” โดยร่วมกับสถานศึกษาต่างๆ พัฒนาบุคลากรและนักเรียนด้วยหลักการ 7 อุปนิสัยของผู้มีประสิทธิผลสูง (The 7 Habits of Highly Effective People) ของ ดร.สตีเฟนอาร์. โควีย์ เพื่อส่งเสริมการสร้างทักษะชีวิต (Life Skills) และพัฒนาวุฒิภาวะทางอารมณ์ (EQ)
โครงการ The Leader in Me ผู้นำในตัวฉัน คือ การนำ 7 อุปนิสัย สำหรับผู้มีประสิทธิผลสูงของ ดร.สตีเฟน อาร์. โควีย์ มาปรับใช้ในสถานศึกษา โดยการสอนผ่านครู และถ่ายทอดลงสู่เด็กนักเรียน เป็นกระบวนการพัฒนาภาวะผู้นำจากภายในสู่ภายนอก เป็นการเปลี่ยนแปลงทางกรอบความคิด โดยเชื่อว่า “เด็กทุกคนสามารถพัฒนาให้เป็นผู้นำได้”
คนที่เป็นผู้นำ จะมีอุปนิสัยที่คล้ายกันอยู่ 7 อย่าง หรือ หลักการ 7 อุปนิสัยของผู้มีประสิทธิผลสูงเราเรียกว่า The 7 Habits of Highly Effective People ของ ดร.สตีเฟน อาร์. โควีย์ โดยทางโรงเรียนสาธิตบางนา ได้นำไปประยุกต์ใช้กับบุคลากรในทุกระดับ ตั้งแต่ผู้บริหารโรงเรียน ครู เจ้าหน้าที่ นักเรียน และผู้ปกครองเพื่อพัฒนาเยาวชนให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีประสิทธิผลให้สามารถ ช่วยเหลือดูแลสังคมไทยในอนาคต”
โรงเรียนสาธิตบางนา จึงนำหลักสูตรนี้มาใช้ในปี ค.ศ. 2016-2017 ดังนี้
ก. อุปนิสัยส่วนแรกที่เป็นพื้นฐาน ประกอบด้วย
1. ต้องเป็นฝ่ายเริ่มต้นทำก่อน (Be Proactive) คือการควบคุมตัวเองเลือกและรับผิดชอบในสิ่งที่เลือก ในขณะเดียวกันก็ต้องคิดบวกพร้อมทั้งเรียนรู้การแก้ปัญหา หรืออุปนิสัยของความรับผิดชอบส่วนตนเอง
2. เริ่มต้นด้วยจุดมุ่งหมายในใจ (Begin with the End in Mind) คือการสร้างเป้าหมายในชีวิต โดยอาจเป็นเป้าหมายสั้นๆ
3. ทำสิ่งสำคัญก่อน (Put First Things First) เพราะเมื่อมีเป้าหมายแล้วก็ต้องจัดลำดับความสำคัญ ของเวลาว่าอะไรทำก่อนอะไรทำหลัง คือ การจัดการเรื่องเวลาของตัวเอง
ข. อุปนิสัยส่วนที่สอง เสริมสร้างความเข้มแข็ง ประกอบด้วย
4. คิดแบบชนะ-ชนะ (Think Win-Win) ส่วนนี้หลักสูตรในประเทศไทย ไม่มีสอนว่าทำอย่างไรให้เด็กกล้าแสดงความรู้สึกของตนเองในขณะที่เขาต้องใส่ใจความรู้สึกของผู้อื่นด้วย
5.เข้าใจผู้อื่นก่อน แล้วจึงให้เขาเข้าใจเรา (Seek First to Understand, Then to be Understood) เป็นการฝึกที่จะรู้จักฟังผู้อื่นก่อน แล้วจึงให้ผู้อื่นฟังเรา
6. ผนึกพลังประสานความต่าง (Synergize) เป็นเหมือนการประนีประนอมแต่ก่อให้เกิดทางเลือกที่ 3 ฝึกให้เข้าใจคุณค่าและความสามารถของแต่ละบุคคลว่าไม่เหมือนกัน ทำให้รู้สึกว่าแม้จะเป็นเสียงข้างน้อยก็ยังได้รับการยอมรับและหาทางออกร่วมกันคือทางเลือกที่ 3
7. การลับเลื่อยให้คม อยู่เสมอ (Sharpen the saw) เป็นการดูแลความสมดุลของตัวเอง
ทั้งนี้หากโรงเรียนต่างๆ สนใจนำหลักการ 7 อุปนิสัยสำหรับผู้มีประสิทธิผลสูง ของ สตีเวน โควีย์ ไปประยุกต์ใช้ในระบบการศึกษา สามารถศึกษาได้เพิ่มเติมจากหนังสือ The Leader in Me (ผู้นำในตัวฉัน)
หนังสือเล่มนี้อธิบายการเรียนการสอนของแต่ละโรงเรียนที่นำหลักการ 7 อุปนิสัย และภาวะผู้นำมาใช้ โดยเน้นที่โรงเรียน เอ.บี คอมส์ เอริเมนทารี เป็นหลักดังกล่าวมาใช้ที่บ้าน นอกจากนี้ยังอธิบายถึงความเปลี่ยนแปลงของ เด็ก ครู พ่อแม่ โรงเรียน “ผู้นำในตัวฉัน” เหมาะกับ พ่อแม่ ครู นักการศึกษา ผู้บริหารโรงเรียนทุกคนที่ต้องการให้เด็กมีศักยภาพเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปและดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข
สามารถอ่านเวอร์ชั่นภาษาไทยได้ที่นี่ >> [E-book หนังสือ The Leader in Me ผู้นำในตัวฉัน]
เรียบเรียงจาก
1. http://m.eduzones.com/content.php?id=175903
2. https://www.pacrimgroup.com/blog/4-ways-build-young-leader/
3. http://www.satitbangna.ac.th/หลักสูตร-7-habits/
ภาพประกอบจาก :
1. https://www.pacrimgroup.com/wp-content/uploads/2017/01/symposium_blog.jpg
2. https://www.bookcaze.com/image/cache/catalog/cover_nanmeebook/978-616-04-1033-0_001-1000×1000.jpg