งู (snake) เป็นสัตว์เลื้อยคลานอีกชนิดหนึ่ง ที่มีผู้นิยมกิน โดยเฉพาะในประเทศจีนและประเทศเวียดนาม จัดว่าเป็นเมนูแปลกพิสดาร และมีราคาค่อนข้างแพง นอกจากนี้ ในประเทศเขมร ก็มีการนำเนื้องูทอดกรอบ มาวางขายกันทั่วไป เว็บหอมอนันต์ จึงขอรวบรวมข้อมูลเอาไว้ เพื่อเป็นความรู้ของนักนิยมทานเนื้องูกัน ดังนี้
1. ประเทศอังกฤษ นิยมนำงูมาทำเป็น “ซุปงู” ซึ่งเป็นสูตรอาหารที่มีมายาวนานแล้ว ค้นพบในตำราอาหารเมื่อ 1,700 ปีก่อน โดยขั้นตอนการทำนั้นคือ
1. หลังจากจับงูก็นำมาถลกหนังหัว แล้วตัดหัวทิ้ง
2. จากนั้นหั่นเนื้องูออกเป็นชิ้นๆ ขนาดยาวไม่เกิน 2 นิ้ว แล้วนำไปต้มในน้ำเดือด
3. ใส่เกลือ พริกไทย และไวน์ขาว
4. จากนั้นก็ปรุงรสด้วยเครื่องเทศ ใส่หัวผักกาด ผักโขม และหัวหอมลงไป
5. เคี่ยวให้เปื่อย
6. เสิร์ฟพร้อมขนมปัง
7. ตกแต่งให้สวยงามด้วยเกล็ดขนมปังและมะนาว
2. ประเทศกัมพูชา มีเมนู “งูย่าง” หรือ “โป๊ะฮ์ อัง” หรือ “ปั๊วะฮ์ อัง” วางขายกันตามตลาดและ 2 ข้างทาง ราคาไม้ละ 20 บาท งูที่นำมาทำเมนูงูย่าง หรือเมนูงูทอดน้ำปลา เป็นงูไม่มีพิษ คล้ายกับงูกินปลา คนกัมพูชาบอกว่างูนี้เกิดมาเพื่อเป็นอาหารของชาวกัมพูชาโดยเฉพาะ
3. ประเทศเวียดนาม คนเวียดนามจำนวนมากรับประทานเนื้องู หรือเลือดงู เพราะเชื่อว่ามีสรรพคุณหลายอย่าง ทำให้มีกำลังวังชา และหากผู้ชายที่อายุเกิน 50 ปีรับประทานจะช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศ หากอายุน้อยกว่านั้น อาจทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้ นอกจากนี้ ยังบอกประโยชน์ของการกินเนื้องู ด้วยว่า เนื้องูช่วยบรรเทาอาการปวดหัว ช่วยย่อย และดีกับกระดูก (ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่าบอกว่า การฆ่างูตามธรรมชาติเป็นการรบกวนระบบนิเวศของป่า)
4. ประเทศจีนและฮ่องกง งู จัดเป็นอาหารสัตว์ป่าที่เป็นที่นิยม มีร้านค้าวางขายซุปงู ใช้งูแช่เหล้า หรือแม้แต่น้ำดีงู โดยงูที่นิยมนำมาทานกัน มีงูทางมะพร้าวถ้ำ Elaphe taeniura, งูสิง Ptyas korros และ งูเห่า Naja atra
5. ประเทศไทย การบริโภคเนื้องู ก็เป็นที่นิยมของคนในเขตชนบท และคนที่ต้องการทานอาหารเมนูแปลกพิสดาร ซึ่งเนื้องูสามารถทำได้หลายเมนู ทั้งเมนูคั่ว ต้มเป็นกับแกล้ม
ต้มแซ่บงู (เครดิตภาพจาก : มิ่งขวัญมิวสิค อ.โนนนารายณ์)
หมายเหตุ : เนื้อหานี้จัดทำขึ้นเพื่อนำเสนอข้อมูลเชิงวิชาการเกี่ยวกับวัฒนธรรมการกินเนื้องูเท่านั้น และปัจจุบันก็ยังพบเห็นการกินเนื้องูในสังคมชนบทอยู่ทั่วไป
เรียบเรียงจาก
1. https://board.postjung.com/800908.html#
2. https://www.bbc.com/thai/international-45488175)
3. http://www.foodsofengland.co.uk/vipersoup.htm
ภาพประกอบจาก :
1. http://www.foodsofengland.co.uk/500-image82.png
2. http://newtv.co.th/images/content/ct_20170913012405114.jpg
