ปี พ.ศ. 2493 ลี กวน ยู กลับมายังแผ่นดินเกิดที่สิงคโปร์ ตอนนั้น สิงคโปร์ อยู่ภายใต้การเป็นอาณานิคมของอังกฤษ เขาเริ่มต้นชีวิตการทำงานด้วยการเป็นนักกฎหมาย ก่อนที่จะให้ความสนใจและเบนเข็มเดินหน้าเข้าวงการการเมืองสิงคโปร์ โดยจัดตั้งพรรคกิจประชาชน (Peoples Action Party) ขึ้นในปี พ.ศ. 2493 และต่อมา 9 ปี เขาก็ได้รับตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ เมื่อปี พ.ศ. 2502 ขณะที่มีอายุได้เพียง 35 ปี
ช่วงที่ ลี กวน ยู เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นช่วงที่ประเทศมาเลเซียประกาศตัวเป็นเอกราชจากอังกฤษ ซึ่ง ลี กวน ยู เห็นว่าสิงคโปร์ก็ควรจะได้รับอิสรภาพเช่นนั้น จึงเจรจากับตันกู อับดุล รามาน นายกรัฐมนตรีในยุคนั้น เพื่อรวมสิงคโปร์และมาเลเซียเข้าเป็นดินแดนเดียวกัน เพราะสิงคโปร์เป็นดินแดนเล็ก ๆ ที่ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติ และในปี พ.ศ. 2505 สิงคโปร์ก็ผนวกเป็นหนึ่งเดียวกับมาเลเซียได้สำเร็จ แต่ก็ไม่ได้ราบเรียบ เมื่อชาวมาเลเซียมองว่าสิงคโปร์มีความแตกต่างทางวัฒนธรรมอย่างสิ้นเชิง เกิดการประท้วงแสดงความไม่พอใจต่าง ๆ นานา ต่อต้านอย่างสุดขั้วไม่อยากให้สิงคโปร์เป็นหนึ่งเดียวกับมาเลเซีย
ความขัดแย้งดังกล่าวนำไปสู่การจลาจลครั้งใหญ่ กระทั่งในที่สุดก็นำไปสู่ การแยกตัวของมาเลเซีย-สิงคโปร์ ทำให้ ลี กวน ยู กุมขมับ ไม่รู้จะทำอย่างไรถึงจะนำพาประเทศให้ก้าวหน้าได้ เมื่อสิงคโปร์ไม่มีทรัพยากรทางธรรมชาติใด ๆ ที่สำคัญต่อการพัฒนาประเทศ แต่ ลี กวน ยู สามารถทำให้สิงคโปร์เป็นประเทศพัฒนาแล้วได้ โดยช่วงของการสร้างชาติสิงคโปร์ เขาให้ความสำคัญอย่างมากกับการวางรากฐานการศึกษาของประชาชน เพราะเชื่อว่าประเทศจะพัฒนาได้ต้องสร้างคนก่อน เขาสนับสนุนให้ประชาชนได้เรียนรู้ 2 ภาษา และคัดเลือกประชาชนระดับหัวกะทิไปเรียนในสถาบันการศึกษาชั้นนำของโลกหลายแห่ง เพื่อนำความรู้มาพัฒนาประเทศ จากนั้นผู้ที่กลับมาก็จะมาเป็นครู ยกระดับการเรียนการสอนให้ประชาชนในประเทศได้เรียนในระดับเท่าเทียมกับการศึกษาต่างประเทศ
นอกจากจะวางรากฐานทางการศึกษาแล้ว ลี กวน ยู ยังเห็นว่าบุคคลที่จะมาพัฒนาประเทศได้นั้น มีความรู้อย่างเดียวไม่พอ ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ด้วย จึงมีการสนับสนุนและพัฒนาทางด้านความคิดสร้างสรรค์ให้กับเด็ก ๆ และเด็กในยุคนั้น ก็กลายเป็นประชาชนที่มีคุณภาพในวันนี้
ขณะเดียวกัน การสนับสนุนให้ประชาชนพูดได้ 2 ภาษา ก็ได้ทำให้ประเทศเจริญรุดหน้าอย่างรวดเร็ว เพราะการติดต่อสื่อสารเป็นเรื่องจำเป็นไม่ว่าจะในเรื่องใด สุดท้ายแล้วมันก็ยังผลให้สิงคโปร์เติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ แม้ว่าประเทศจะไม่มีทรัพยากรธรรมชาติใด ๆ ก็ตาม
ส่วนทางด้านสังคม ลี กวน ยู ก็ได้จัดระเบียบสังคมทุกอย่าง นับตั้งแต่การกำจัดวัฒนธรรมต่างชาติที่มอมเมาเยาวชนออกไป ไม่ว่าจะเป็น โรงระบำโป๊ ตู้คาราโอเกะ หนังสือโป๊ เป็นต้น พร้อมกันนี้ยังได้ส่งเสริมด้านจิตสำนึกของประชาชนให้เป็นคนมีระเบียบ รักษาความสะอาดของบ้านเมือง อนุรักษ์ต้นไม้ และเคารพกฎหมาย
ลี กวน ยู ก้าวลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2533 หลังจากบริหารประเทศยาวนานถึง 31 ปี เขาส่งมอบอำนาจการบริหารประเทศให้กับ โก๊ะ จ๊กตง แต่ถึงอย่างนั้น ลี กวน ยู ก็ยังคงเป็นที่ปรึกษาทางการเมืองของสิงคโปร์อยู่ โดยต่อมาในปี พ.ศ. 2547 ลี เซียน ลุง ลูกชายของเขานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีบริหารประเทศสิงคโปร์
ลี กวน ยู วัย 91 ปี ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อ 23 มีนาคม 2558
เรียบเรียงจาก : http://hilight.kapook.com/view/117910