Anantasook.Com

นิยามของแนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม ความเป็นมาของแนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม (STS)

นิยามของแนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม

แนวคิดวิทยาศาสตร์  เทคโนโลยีและสังคม  (NSTA,1993)  คือ แนวคิดในการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ในบริบทของประสบการณ์คน  การเรียนการสอนตามแนวคิดนี้จะเน้นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นจริง  แทนการเรียนการสอนที่เริ่มต้นด้วยแนวคิด  และกระบวนการ  ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักการวิเคราะห์และประยุกต์ ใช้แนวคิด  และกระบวนการในสถานการณ์จริง  ทำให้ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงกระบวนการเรียนรู้ในห้องเรียนกับสถานการณ์จริงในท้องถิ่นของผู้เรียนได้  (Wilson  และ  Livingston,1996)  โดยเน้นเหตุการณ์หรือประเด็นที่กำลังเกิดขึ้น  และพยายามให้ผู้เรียนหาคำตอบสำหรับเหตุการณ์นั้นๆ  ซึ่งเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการเตรียมผู้เรียนให้มีความพร้อมต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน  และเตรียมบทบาทของพลเมืองในอนาคต  ที่มีความรู้ความสามารถด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  (scientific  and  technological  literacy)  ที่ทำให้ผู้เรียนมีทั้งความรอบรู้ในเนื้อหาวิชา  และเพิ่มพูนความสามารถในการใช้ทักษะ  กระบวนการ  ผู้เรียนจะพัฒนาทั้งความคิดสร้างสรรค์  เจตคติต่อวิทยาศาสตร์  ได้ใช้แนวคิดทางวิทยาศาสตร์และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวัน  และกล้าตัดสินใจด้วยตนเอง  (NSTA,1993)

การเรียนการสอนตามแนวคิดวิทยาศาสตร์  เทคโนโลยีและสังคม  เน้นปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในชีวิต  เพราะเชื่อว่าปัญหานั้นๆในชีวิตจริงมีแนวคิดและกระบวนการต่างๆมากมายเป็นพื้นฐาน  ดังนั้นการเริ่มต้นการเรียนการสอนด้วยสถานการณ์ที่ครูสร้างขึ้น  เพื่อให้นักเรียนตั้งคำถาม  ปัญหา  หรือประเด็น  หรือมาจากคำถามของนักเรียนที่มาจากประสบการณ์ของตนเอง  จะส่งผลให้นักเรียนเรียนรู้แนวคิด  และทักษะกระบวนการพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ที่จำเป็น  และเกี่ยวข้องกับปัญหานั้นๆ  ทำให้นักเรียนเห็นว่าแนวคิดและกระบวนการนั้นมีประโยชน์นำไปใช้ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงได้  และครูจะมีบทบาทในฐานะของผู้จัดสภาพแวดล้อมและอำนวยความสะดวกให้เกิดการเรียนรู้  (facilitator)  มากกว่าจะเป็นแหล่งของความรู้  (Lutz,1996  และ  Yager,1996)

สำหรับกระบวนการจัดการเรียนการสอน ตามแนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม ควรพิจารณาในเรื่องต่าง ๆ ต่อไปนี้ (NSTA, 1990 อ้างใน เกียรติศักดิ์ ชิณวงศ์, 2544)
(1)  เรื่องนี้เป็นปัญหาหรือประเด็นหรือไม่
(2)  เรื่องนี้เป็นปัญหาหรือประเด็นอย่างไร
(3)  มีทางเลือกหรือวิธีการใดบ้างที่จะนำมาใช้แก้ปัญหา
(4)  มีการแก้ปัญหาดังกล่าวจะทำให้เกิดผลด้านบุคคลและสังคมอย่างไร

โดยมีลักษณะเฉพาะของการดำเนินกิจกรรม ดังต่อไปนี้
(1)  เน้นปัญหาต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่น่าสนใจในท้องถิ่นและมีผลกระทบกับสังคม
(2)  ใช้แหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น (คนและวัสดุอุปกรณ์) ในการได้มาซึ่งข้อมูลที่สามารถนำไปใช้ในการแก้ปัญหา
(3)  เน้นการมีส่วนร่วมของนักเรียนในการค้นหาข้อมูลที่จะนำไปใช้ในการแก้ปัญหาในชีวิตจริง
(4)  ใช้การเรียนรู้นอกชั่วโมงเรียน นอกห้องเรียน และนอกโรงเรียน
(5)  ที่ผลของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีต่อนักเรียนแต่ละคน
(6)  การมองเนื้อหาทางวิทยาศาสตร์มีมากกว่าเรื่องความคิดรวบยอดที่จะให้นักเรียนสอบผ่าน
(7)  เน้นทักษะกระบวนการต่าง ๆ ที่นักเรียนใช้ในการแก้ปัญหา
(8)  เน้นความตระหนักในเรื่องอาชีพโดยเฉพาะอาชีพที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
(9)  ให้โอกาสนักเรียนในการแสดงบทบาทความเป็นพลเมืองดีขณะที่พยายามแก้ปัญหาที่ค้นพบ
(10)  ใช้วิธีการต่าง ๆ ที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีผลต่ออนาคต
(11)  เน้นให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง

ความเป็นมาของแนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม (STS)

การจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดวิทยาศาสตร์  เทคโนโลยีและสังคมในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาเริ่มเกิดขึ้นในประเทศแถบยุโรปก่อนการเริ่มต้นในสหรัฐอเมริกา  (Yager, 1996)  ซึ่ง ณัฐวิทย์  พจนตันติ  (2546) ได้ลำดับประวัติความเป็นมาไว้ดังนี้

ช่วงต้นปี  ค.ศ. 1971  Jim  Gallagher   ได้เสนอบทความชื่อ  “A  Broader  Base  for  Science  Teaching”  และได้แสดงความคิดเห็นว่าหลักสูตรในทศวรรษ 1960 นั้นเน้นให้นักเรียนเรียนรู้เฉพาะแนวคิดและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่เขาเห็นว่านักเรียนควรต้องรู้และเข้าใจความสัมพันธ์ของวิทยาศาสตร์  เทคโนโลยีและสังคมเท่า ๆ กับที่ต้องรู้และเข้าใจแนวคิดและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเห็นว่าการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์นั้นต้องจัดให้สอดคล้องกับประเด็นทางเทคโนโลยี และสังคม ซึ่งจัดได้ว่าเป็นการวางเป้าหมายใหม่ของวิทยาศาสตร์ศึกษา

ในปี ค.ศ.1972 ประเทศเนเธอร์แลนด์ได้จัดทำ Project Leerpakket Ontwikkeling Naturkunde  หรือ PLON project เพื่อปรับหลักสูตรและเป้าหมายการจัดการเรียนการสอนวิชาฟิสิกส์ในโรงเรียน  โดยเน้นถึงความสัมพันธ์ของ ฟิสิกส์กับเทคโนโลยีและสังคม

ปี ค.ศ. 1973 ในประเทศแคนดา Aikenheard กับ Fleming ได้ทำการวิจัยในชั้นเรียนเรื่อง  Science : A Way of Knowing ซึ่งเป็นการวิจัยเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนตามแนวคิดวิทยาศาสตร์  เทคโนโลยีและสังคม แล้วเสนอรายงานการวิจัยฉบับร่าง และตีพิมพ์ฉบับสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1975

ปี ค.ศ. 1975 Paul Hurd ได้เสนอบทความเรื่อง “Science, Technology, and Society : New Goals for Interdisciplinary Science Teaching” ซึ่งเป็นบทความที่กล่าวถึงโครงสร้างหลักสูตรวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม

ปี ค.ศ. 1976 สมาคมการศึกษาวิทยาศาสตร์ (The  Association for Science Education) ในประเทศอังกฤษได้สร้างหลักสูตรวิทยาศาสตร์  เทคโนโลยีและสังคมขึ้นหลังจากการตีพิมพ์ผลงานของโครงการวิทยาศาสตร์ในสังคม (Science in Society) และต่อมามีโครงการอื่นเกิดตามมาอีก เช่น  โครงการ SISCON (Science in Social Context) in School ซึ่งเป็นโครงการการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนโดยใช้บริบททางสังคม

ปี ค.ศ. 1977 สภาสังคมศึกษาแห่งชาติ (The National Council for the Social Studies) ในสหรัฐอเมริกา ได้มอบหมายให้คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์และสังคม ศึกษาเรื่องวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคมของโลกและตีพิมพ์ในวารสาร Social Education  ในปี  1979

และในปีเดียวกันนี้มี  Project  Synthesis ได้จัดขอบเขตวิทยาศาสตร์ศึกษาเป็น 5 เรื่อง และ 1  ใน 5 นั้นคือ “The Interaction of Science, technology and Society (S/T/S)” ซึ่ง คือความสัมพันธ์ของวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม และโครงการนี้ได้อธิบายลักษณะการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม ดังนี้

(1)  เตรียมให้ผู้เรียนเรียนรู้วิทยาศาสตร์เพื่อนำไปประยุกต์ใช้พัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองในโลกที่มีการพัฒนาด้านเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
(2)  เตรียมให้ผู้เรียนสามารถประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์เพื่อจัดการกับปัญหาด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
(3)  ให้นักเรียนเรียนรู้ความรู้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อให้สามารถนำความรู้นี้ไปแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างชาญฉลาด
(4)  จัดประสบการณ์ และทักษะความชำนาญเพื่อให้นักเรียนเรียนรู้ และสามารถตัดสินใจเลือกอาชีพด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม

ปี  ค.ศ. 1980  มีการจัด Malvern Seminar ที่ประเทศอังกฤษ การสัมมนาครั้งนี้มีการนำเสนอหลักสูตรวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม หลายโครงการ เช่น 1) San Salvador Project เป็นโครงการเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ศึกษาภายใต้ความรับผิดชอบของสถาบันพัฒนาการสอนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ (The Institute for Science and Mathematic Education Development) ของมหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์ เป็นโครงการเกี่ยวกับความพึงพอใจและความต้องการของชุมชน เช่นเรื่องสุขาภิบาล น้ำดื่มที่สะอาด การเพิ่มผลผลิตจากการประมง หรือ 2) Mexican Project เป็นโครงการพัฒนาชุมชนด้านสุขภาพของเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ขวบ การปลูกฝี การฉีดวัคซีน การเตรียมอาหารที่มีคุณค่า ซึ่งเป็นโครงการร่วมของครูกับพนักงานอนามัย จะเห็นว่าการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดวิทยาศาสตร์  เทคโนโลยีและสังคมในโรงเรียนมีบทบาทสำคัญมาก และการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดนี้บริบททางสังคมมีผลมากต่อหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน

ปี ค.ศ. 1982  ผู้อำนวยการสมาคมครูวิทยาศาสตร์แห่งสหรัฐอเมริกาหรือ  National  Science  Teacher  Association  (NSTA)  ได้ประกาศสนับสนุนแนวคิดวิทยาศาสตร์  เทคโนโลยีและสังคม  ให้เป็นแนวทางหลักของวิทยาศาสตร์ศึกษาในทศวรรษ  1980

ในปีเดียวกันนี้นักวิทยาศาสตร์ศึกษาได้จัดการประชุมสัมมนาที่เรียกว่า  International  Organization  for  Technology  Education  Symposium  (IOSTE  Symposium)  เรื่อง  World  Trends  in  Science  and   Technology  Education  ที่เมือง  Nottingham

นอกจากนี้ ในฤดูใบไม้ร่วงปีเดียวกัน ได้มีการจัดประชุมสัมมนาของ IOSTE  อีกครั้งที่เมือง   Saskatoon  ประเทศแคนาดา  ซึ่งนับว่าเป็นการประชุมสัมมนาครั้งที่มีคุณค่ามากเพราะได้มีการร่วมมือระหว่างกลุ่มที่มีความสนใจแนววิทยาศาสตร์  เทคโนโลยีและสังคม  IOSTE  กับกลุ่มจากสหรัฐอเมริกา  เช่น  Joe  Piel, Bob  Yager, และ  Robgeer  Bybee  จัดตั้งเครือข่ายการวิจัยเกี่ยวกับแนวคิดวิทยาศาสตร์  เทคโนโลยีและสังคม และเรียกเครือข่ายนี้ว่า STS  Research Network Missive นับเป็นเครือข่ายของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ศึกษาในระดับอุดมศึกษาและได้ร่วมกันออกจดหมายข่าวงานวิจัยที่ชื่อว่า Missive

การประชุมสัมมนาของ IOSTE  ในปี ค.ศ. 1982  มีนักวิทยาศาสตร์ศึกษาจากหลายชาติ เช่น  ออสเตรเลีย แคนดา อิตาลี เนเธอร์แลนด์ และอังกฤษ สนใจศึกษาและนำเสนอผลงานและบทความเกี่ยวกับแนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม ผลงานนำเสนอ รวมทั้งหลักสูตรที่สร้างขึ้นมีแนวทางเหมือนกันตามแนวคิดวิทยาศาสตร์  เทคโนโลยีและสังคม แต่เรียกชื่อต่างกัน เช่น

(1)  วิทยาศาสตร์และสังคม  และวิทยาศาสตร์ในสังคม  (science  and/in  society)
(2)  วิทยาศาสตร์  และเทคโนโลยี  (science  and   Technology)
(3) ปฏิสัมพันธ์ของวิทยาศาสตร์  และเทคโนโลยีกับสังคมและวัฒนธรรม  (the  interaction  of  science  &  technology  with  society  &  culture)
(4)  วิทยาศาสตร์  เทคโนโลยี  สังคม  และย่อว่า  STS หรือ ย่อว่า  S/T/S

จากการประชุมครั้งนี้จึงมีการตกลงร่วมกันและตั้งชื่อกลุ่มที่สนใจแนวคิดวิทยาศาสตร์  เทคโนโลยีและสังคมนี้ว่า science- technology- society และเขียนย่อว่า STS ชื่อนี้ได้รับอิทธิพลมาจากหนังสือของ John  Ziman (1980).ชื่อ Teaching and learning about Science and Society ซึ่งเป็นหนังสือที่กล่าวถึงหลักการ และการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนตามแนวคิดวิทยาศาสตร์  เทคโนโลยีและสังคม หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากนักวิทยาศาสตร์ศึกษา

ในปีต่อ ๆ มามีการสร้างเครือข่ายการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับการศึกษาตามแนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคมเกิดขึ้นอีก เช่น ในปี ค.ศ. 1984 UNESCO ได้จัดตั้ง International Network for Information  in Science and Technology Education (INISTE) เป็นเครือข่ายข้อมูลเพื่อการศึกษา ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีศึกษา

นับได้ว่าเป้าหมายของวิทยาศาสตร์ศึกษาในทศวรรษ  1980  (Lazarowitz  และ  Tamir , 1994 อ้างใน ณัฐวิทย์ พจนตันติ, 2546) คือการพัฒนาให้คนมีความรู้ความสามารถทางวิทยาศาสตร์  (scientific  literacy)  ที่จะทำให้เข้าใจถึงความสำคัญของวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคมที่มีต่อคนเรา  และให้สามารถนำความรู้นั้นไปใช้ในชีวิตประจำวันได้  คนที่มีความรู้ความสามารถทางวิทยาศาสตร์คือคนที่เข้าใจ ข้อเท็จจริง แนวคิด ความเชื่อมโยงของแนวความคิด และมีทักษะกระบวนการที่สามารถนำไปเป็นพื้นฐานการเรียนรู้และการคิดอย่างมีเหตุผล เข้าใจคุณค่าและข้อจำกัดของวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ที่มีต่อสังคม

ในทศวรรษ  1980  มีบทความเกี่ยวกับแนวคิดวิทยาศาสตร์  เทคโนโลยีและสังคม  เป็นจำนวนมากและมีบทความของสมาคมครูวิทยาศาสตร์แห่งสหรัฐอเมริกา  ที่เขียนว่า  “ปัญหาที่เราประสบอยู่ทุกวันนี้สามารถแก้ไขได้  เพียงแต่คนเรามีความรู้และมีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  และความรู้ความสามารถทางวิทยาศาสตร์จะเป็นพื้นฐานของการดำรงชีพ  การทำงานและการตัดสินใจในทศวรรษ  1980  และในอนาคต”  ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของความรู้ความสามารถทางวิทยาศาสตร์กับแนวคิดวิทยาศาสตร์  เทคโนโลยีและสังคมและตลอดทศวรรษ  1980  หลังจากการประชุมที่  Saskatoon  ทุกฝ่ายก็ดำเนินการศึกษาและสร้างหลักสูตรวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนตามแนวคิดวิทยาศาสตร์  เทคโนโลยีและสังคมอย่างต่อเนื่อง  เช่น  NSTA  มหาวิทยาลัยไอโอวา  โครงการขบวนการสิ่งแวดล้อม  (the  Environmental  Movement)  และโครงการ  “Science  Through  STS”

เอกสารอ้างอิง
ศักดิ์อนันต์   อนันตสุข. 2554. กระบวนการตัดสินใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เรื่อง ฟิสิกส์นิวเคลียร์ จากการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม (STS) ของ Yuenyong (2006). วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น.

Exit mobile version