ครูบ้านนอก นวนิยายทรงคุณค่า ประพันธ์โดย “คำหมาน คนไค” หรือในชื่อจริงว่า “สมพงษ์ พละสูรย์” และถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ 2 ครั้ง โดยเวอร์ชันแรกในปี พ.ศ. 2521 และเวอร์ชั่นที่ 2 “ครูบ้านนอก บ้านหนองฮีใหญ่” ในปี พ.ศ. 2553 จากผู้กำกับคนเดียวกัน คือ สุรสีห์ ผาธรรม
ครูบ้านนอก เป็นเรื่องที่กล่าวถึงชีวิตของครูบ้านนอกคนหนึ่งที่มีความเป็นครูอย่างเต็มเปี่ยม จิตวิญญาณความเป็นครูของเขาส่งผลให้เขามีพื้นฐานจิตใจ นิสัย และพฤติกรรมที่ดีเพี่อที่จะให้เป็นแบบอย่างแก่นักเรียน โดยผู้แต่งได้ใช้ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวชนบทอีสานมาสร้างสีสันและใช้เป็นเนื้อเรื่อง โดยการสอดแทรกขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม และจริยธรรมของผู้คนเป็นหลัก และยังได้ยกเอาปัญหาต่างๆ ที่มีอยู่ในสังคมขึ้นมาเป็นประเด็นสำคัญ ตรงจุดเปลี่ยนของเรื่องที่ทำให้ตัวละครเอก ผู้อุทิศตนเพื่อส่วนรวมต้องรับเคราะห์จากความดีที่กระทำ และบรรยายถึงความเป็นครู ซึ่งมีความลำบากยากเข็ญ และความสัมพันธ์อันดีระหว่างครูบ้านนอกกับชาวบ้านในทุกๆ ด้านได้อย่างดีเยี่ยม
เรื่องย่อ ครูบ้านนอก
ครูบรรจุใหม่ที่เพิ่งจบการศึกษามาหมาดๆ ชื่อว่า ปิยะ ผู้ซึ่งจากดินแดนอีสานบ้านเกิดมาไกลถึงกรุงเทพ เพื่อมาเล่าเรียน เข้าเรียนจบชั้นปก.ศ.สูง และตั้งใจว่าจะกลับไปเป็นครูที่อีสานบ้านเกิดเพื่อไปพัฒนาชีวิตของเด็กๆที่รู้ว่ามีความลำบากยากเข็ญจากที่ได้ประสบในวัยเด็ก ปิยะเลือกที่จะบรรจุที่จังหวัดอุบลราชธานีบ้านเกิด ซึ่งเขาก็สอบได้สำเร็จหลังจากที่เรียนจบนั่นเอง ด้วยความที่จากเมืองอุบลไปตั้งแต่เด็ก เขาจึงไม่มีคนที่พอรู้จัก แต่เขาก็ได้รู้จักกับหญิงสาวสวยคนหนึ่งที่สอบบรรจุเป็นครูได้ในรุ่นเดียวกับเขาเช่นกัน เมื่อทำความรู้จักกันก็ได้ทราบว่าเธอเป็นลูกสาวของปลัดอำเภอเมือง เธอมีชื่อว่า ดวงดาว เป็นผู้หญิงทันสมัย สดใสร่าเริง และเป็นกันเองมาก ปิยะรู้จักกับดวงดาวในตอนที่เลือกโรงเรียนที่จะไปสอน เขาเลือกโรงเรียนที่อยู่ในชนบทห่างไกลเขตเมืองใหญ่ ด้วยเหตุผลง่ายๆที่ชื่อฟังแล้วแปลกดีว่า “ โรงเรียนบ้านหนองหมาว้อ” ตั้งอยู่ในตำบลบ้านผักอีฮีน ส่วนดวงดาวได้สอนในโรงเรียนที่ใกล้ๆ กับชายแดน
เดิมทีปิยะเป็นคนอำเภออำนาจเจริญ ซึ่งในปัจจุบันก็คือจังหวัดอำนาจเจริญ แต่เขาไม่ได้กลับไปสอนที่นั้นเพราะความที่เป็นคนสบายๆ ไม่ช่างเลือกและเขาก็เดินทางไปสอนที่โรงเรียนบ้านหนองหมาว้อ ในโรงเรียนนี้มีครูประจำการอยู่หนึ่งคนซึ่งทำหน้าที่แทบจะทุกอย่าง มีตำแหน่งเป็นครูใหญ่มีชื่อว่า ครูใหญ่คำเม้า แกเป็นคนที่มีอัธยาศัยดี มีความสนิทสนมกับชาวบ้านเป็นอย่างมาก แต่เสียอยู่ว่าชอบไปมั่วสุมกับพวกเล่นการพนัน และชอบกินเหล้าเมายาอยู่ตลอดแม้ในเวลามีการเรียนการสอน โดยไม่สนใจเด็กนักเรียน เมื่อปิยะเข้ามาเป็นครูคนใหม่ก็เข้าทีของแก ครูใหญ่จึงให้ปิยะเป็นคนรับภาระสอนและดูแลเด็กเกือบทั้งหมด ช่วงแรกๆ ปิยะอาศัยอยู่กับครูใหญ่แต่ต่อเขาก็ได้ย้ายมาอยู่ที่กระท่อมข้างโรงเรียนตามลำพัง
ในทุกๆ วัน ปิยะจะมาโรงเรียนแต่เช้าตรู่ จนเด็กนักเรียนส่วนใหญ่ชอบมากันตั้งแต่เช้าเพื่อมาฟังนิทาน และทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับปิยะอยู่เสมอ ปิยะมีอัธยาศัยดีต่อชาวบ้านจึงเกิดความสนิทสนม และเขาก็ชอบที่จะไปทำความรู้จักกับผู้ปกครองของเด็กนักเรียนจนได้รู้จักกับพะยอม หญิงสาวชาวบ้านคนหนึ่งซึ่งเป็นคนที่มีหน้าตาดี มีความขยันขันแข็งเนื่องจากแม่ของเธอซึ่งเป็นผู้ปกครองของนักเรียนที่ชื่อเซียง ล้มป่วยออดๆแอดๆ ปิยะจึงได้มาคอยช่วยเหลือครอบครัวนี้ในด้านต่างๆมากมาย อีกทั้งเขายังมีความเป็นกันเอง ชาวบ้านมีอะไรก็คอยไปช่วยเหลือถึงแม้ไม่มีสิ่งตอบแทน งานบุญ งานมงคลต่างๆ ก็ไปไม่ได้ขาด ชาวบ้านจึงรักใคร่ แต่ในสังคมก็ยังต้องมีคนที่ไม่ชอบ หรืออิจฉาซึ่งอาจมีเพียงส่วนน้อย แต่ไม่มีใครแสดงท่าทีอะไรออกมา
หลังจากที่ดวงดาวย้ายเข้ามาประจำกับปิยะที่โรงเรียนแห่งนี้ ก็ได้ช่วยให้เขาเบาแรงลงไป ดวงดาวเองก็เป็นหลานสาวแท้ๆ ของครูใหญ่คำเม้า เธอจึงเข้าพักอาศัยที่บ้านของครูใหญ่แทนที่ปิยะที่ย้ายออกมา ด้วยความที่มีนิสัยรักความสบาย เธอจึงพร่ำพูดอยู่เสมอว่าต้องการที่จะย้ายเข้าไปสอนในโรงเรียนที่อยู่ตามเมืองใหญ่ๆ และค่อนข้างเจริญ และคงจะอยู่ที่โรงเรียนนี้ไม่ได้นานแน่ แต่ด้วยจิตวิญญาณความเป็นครูที่ดีและการทำตัวเป็นแบบอย่างกับนักเรียนของครูปิยะ การแสดงความเสียสละ ต่างๆเหล่านี้ทำให้ดวงดาวซาบซึ้งและมุ่งมั่นที่จะทำสิ่งต่างๆ ให้กับนักเรียนมากขึ้น จนไม่คิดที่จะอยากย้ายไปไหนไกลอีกเลย
ปิยะเป็นคนที่ชอบทำอะไรด้วยตนเองเพื่อเป็นตัวอย่างแก่ผู้อื่น เขาขุดบ่อบาดาลขึ้นใช้เอง อีกทั้งยังลงมือปลูกพืชผักสวนครัวไว้บริเวณบ้าน โดยเด็กนักเรียนคอยช่วยเหลือเป็นลูกมือ เขาสอนเด็กนักเรียนอย่างที่เรียกว่าสอนคน ไม่ใช่สอนหนังสือ คือไม่อ่านให้ฟังแล้งให้ท่องจำอย่างเดียว แต่ยังสอนให้ได้คิดและลงมือกระทำในสิ่งที่ได้รู้มาให้เห็นจริง เด็กๆ จึงพากันรักครูปิยะมาก
ต่อมาไม่นานก็มีครูหนุ่มมาดโก้คนหนึ่งเข้ามาประจำการอยู่อีกคนชื่อว่าพิศิษฐ์ ทำให้โรงเรียนบ้านหนองหมาว้อมีครูทั้งหมด 4 คน แต่ความที่พิศิษฐ์มีนิสัยและพฤติกรรมที่คล้ายกับครูใหญ่คำเม้าจึงเข้ากันดีเรียกว่าไปไหนไปกัน ชาวบ้านจึงพากันพูดว่าโรงเรียนนี้มีครูจริงๆอยู่เพียงแค่ 2 คน และพิศิษฐ์ยังทำพฤติกรรมที่เสื่อมเสียต่ออาชีพครู โดยเขาได้หลอกหญิงสาวชาวบ้านให้เสียตัวแก่เขาจนมีเรี่องมีราวเกิดขึ้น แต่หลังจากเรื่องสงบเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปจากเดิม จึงถูกมือดีหลอกตีหัวด้วยยาแดงเพื่อสั่งสอน และพิศิษฐ์ยังมีนิสัยอวดร่ำอวดรวย ใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยโดยไม่ยั้งคิดจึงทำให้ยอดเงินเดือนติดลบไม่พอชำระหนี้ จนไปกระทบกับเงินเดือนของครูในโรงเรียนจึงถูกตำหนิ จึงเป็นจุดที่ทำให้พิศิษฐ์เปลี่ยนแปลงตัวเอง หันมาเอาใจใส่เด็กนักเรียนได้ในที่สุด
โรงเรียนบ้านหนองหมาว้อนั้น เดิมทีครูใหญ่ได้ขอให้ย้ายออกมาจากวัดแล้วสร้างอาคารเรียนชั่วคราวด้วยน้ำพักน้ำแรงของชาวบ้าน เมื่อปิยะเข้ามาเขาจึงได้เป็นทุกข์เป็นร้อนคอยไปรบเร้าครูใหญ่เกี่ยวกับการดำเนินการสร้างเพิ่มเติม จนในที่สุดก็ได้มีการประมูลการสร้าง และผู้ที่ได้รับเหมาก็คือเสี่ยมังกรผู้ที่มีอิทธิพล ด้วยจุดประสงค์ที่เขาต้องการจะเปิดโรงเลื่อยไม้และทำธุรกิจผิดกฎหมายบางอย่างในพื้นที่นี้ จึงเลือกประมูลโรงเรียนเล็กๆอย่างโรงเรียนบ้านหนองหมาว้อ โดยให้ลุงจารย์เกิ้นผู้มีฐานะในหมู่บ้านรับเป็นนายช่างใหญ่ เพื่อจะนำไม้ที่ลอบตัดจากป่าออกมาแปรรูปสร้างโรงเรียนได้สะดวก
ปิยะถูกผู้ไม่ประสงค์ดีกลั่นแกล้งหลายต่อหลายครั้ง ทั้งงัดบ้านเข้าไปค้นสิ่งของหรือขโมยแตงโมที่เขาลงมือปลูก รวมไปถึงไก่ที่ปิยะให้นักเรียนเลี้ยงไว้หลายตัว แต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกถึงความวิตกกังวล กลับใช้เหตุการณ์ที่เกิดเป็นการสอนในเรื่องโทษของการลักขโมยได้ แต่แล้วเหตุการณ์ก็ต้องเปลี่ยนแปลงเมื่อพิศิษฐ์ต้องถูกสั่งย้าย จากการที่เขากับปิยะแสดงความช่วยเหลือดวงดาวที่ถูกครูสวัสดิ์ซึ่งเป็นคนสนิทของหัวหน้าเขตการศึกษาลวนลาม ทำให้มีคำสั่งที่เหมือนเป็นการจงใจกลั่นแกล้งจากผู้มีอำนาจ ย้ายพิศิษฐ์ไปยังโรงเรียนใกล้ชายแดน ถึงแม้ไม่อยากจากไปแต่พิศิษฐ์ก็ได้เพียงตัดพ้อว่าเบื้องบนสั่งอะไรก็ต้องทำ
ในช่วงปิดเทอมใหญ่ ปิยะซึ่งไม่ได้ห่างโรงเรียนไปไหนก็ได้ร่วมกิจกรรมต่างๆ กับจารย์เคนผู้รู้ด้านภูมิปัญญาชาวบ้าน ปิยะกับจารย์เคนเข้าไปหาของป่าและก็ได้พบกับธุรกิจผิดกฎหมายร้ายแรงของเสี่ยมังกร คือการตัดไม้ในเขตป่าสงวน ปิยะซึ่งพบเห็นก็ทำหน้าที่เป็นพลเมืองดีและครูผู้รักท้องถิ่น โดยการถ่ายรูปส่งไปยังหนังสือพิมพ์รายวันฉบับใหญ่ลงตีพิมพ์ ทำให้เสี่ยมังกรร้อนตัว แต่ก็ยังไม่รู้ว่าตัวการคือครูปิยะจึงไม่สามารถทำอะไรได้จึงเพียงแต่สั่งลูกน้องให้คอยสอดส่อง หนึ่งในนั้นมีหมอสมบัติคนรักของพะยอมที่ผิดแปลกไปและยังสงสัยว่าเขาเป็นตัวการ จึงแอบเข้าไปค้นบ้านของปิยะและก็ได้พบหลักฐานสำคัญ จึงออกอุบายต่างๆ ทั้งปลุกระดมชาวบ้านให้ขับไล่ครูปิยะ แต่ชาวบ้านที่ยังรักเคารพ นับถือก็คอยปกป้องมาโดยตลอด
ในที่สุดวาระสุดท้ายของครูปิยะคนดีของสังคมก็จบลง เมื่อเสี่ยมังกรสั่งการให้มือปืนฆ่าปิดปากปิยะ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาได้หลบซ่อนตัวในสถานที่แห่งหนึ่ง แต่ด้วยความคิดถึงโรงเรียนและเด็กนักเรียน จึงตัดสินใจที่จะกลับมาสอนทั้งๆ ที่เรื่องราวยังไม่จบสิ้น แล้วปิยะก็ถูกยิงในขณะที่เขากำลังรีบปั่นจักรยานขึ้นมาถึงเนินหน้าโรงเรียน พอดีกับจังหวะที่ครูดวงดาวและนักเรียนได้ยินเสียงจักรยานจึงวิ่งออกมารับ ดวงดาวและนักเรียนเมื่อได้เห็นปิยะถูกยิงก็วิ่งเข้าไปโอบร่างอันไร้วิญญาณของปิยะไว้ ด้วยความเสียใจและยังข้องใจว่าทำไมครูดีๆ อย่างปิยะจึงต้องมาจบชีวิตลงแบบนี้
ชมภาพยนตร์ครูบ้านนอก เวอร์ชั่นปี พ.ศ. 2521 (ครูปิยะ 2521)
หนังสืออ้างอิง : คำหมาน คนไค. ครูบ้านนอก. พิมพ์ครั้งที่ 10. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช, 2542.