วันเด็กแห่งชาติ ตรงกับวันเสาร์ที่สองของเดือนมากราคม เป็นวันที่เด็กเป็นใหญ่ที่สุดและมีความสุขที่สุดในรอบปี เป็นวันหยุดราชการที่มิได้ชดเชยในวันทำงานถัดไป มีการให้คำขวัญวันเด็กทุกปีโดยนายกรัฐมนตรี เริ่มต้นจัดงานวันเด็กครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2498 โดยได้กำหนดให้วันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม เป็นวันเด็กแห่งชาติ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2506 ได้มีมติเปลี่ยนแปลงวันเด็กแห่งชาติมาเป็นวันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคม โดยเริ่มจัดงานวันเด็กในปี พ.ศ. 2508 เป็นต้นมา
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ได้ให้ความหมาย ของคำว่า “เด็ก” ไว้ว่า “เด็ก” หมายถึง คนที่มีอายุยังน้อย ยังเล็ก และ “เด็กชาย” คือ คำนำเรียกเด็กผู้ชายที่มีอายุไม่เกิน 14 ปีบริบูรณ์ ส่วน “เด็กหญิง” คือ คำนำเรียกเด็กผู้หญิงที่มีอายุไม่เกิน 14 ปีบริบูรณ์
ความเป็นมาของวันเด็กสากล
เมื่อปีพุทธศักราช 2498 ได้เกิดปฏิญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก โดยองค์การสหประชาชาติทำให้ทั่วโลกเกิดความตื่นตัว และเห็นพ้องต้องกันว่าควรจะให้ความสำคัญแก่เด็ก ๆ ของตนมากขึ้น การขานรับในการนี้จากประเทศต่าง ๆ เป็นไปอย่างกว้างขวาง ในปีเดียวกันนั้นเอง ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกไม่น้อยกว่า 40 ประเทศต่างก็จัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติของประเทศตนขึ้นมา โดยกำหนดกันว่าจะถือเอาวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมของทุกปี เป็นวันเด็กแห่งชาติ
การจัดงานเฉลิมฉลองวันเด็กแห่งชาติในแต่ละประเทศขณะนั้นมีรูปแบบที่คล้ายคลึงกันเป็นส่วนใหญ่ โดยยึดหลักการให้ความสำคัญแก่เด็กเป็นวัตถุประสงค์หลักโดยเปิดสถานที่ราชการที่สำคัญเช่น พิพิธภัณฑ์ รัฐสภา เป็นต้น ให้เด็ก ๆ ได้เข้าชมและศึกษา บางแห่งจัดการแสดงมหรสพ มีการแจกอาหาร แข่งขันเกม แจกของขวัญ ฯลฯ ต่อมางานนี้ได้รับความสำคัญทั่วโลกจึงได้จัดกันแพร่หลายมาถึงปัจจุบัน
การจัดงานวันเด็กในประเทศไทย
ปีพุทธศักราช 2498 ประเทศไทยได้รับข้อเสนอของนาย วี เอ็ม กุลกานี ผู้แทนองค์กรสมาพันธ์เพื่อสวัสดิภาพเด็กระหว่างประเทศ ผ่านมาทางกรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทยว่า ประเทศไทยควรจัดงานเฉลิมฉลองวันเด็กแห่งชาติขึ้นเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเห็นความสำคัญของเด็กให้มากขึ้น ดังที่นานาประเทศกำลังทำอยู่
คณะกรรมการสภาวัฒนธรรมแห่งชาติ ได้นำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมเพื่อพิจารณา ในที่สุดที่ประชุมได้เห็นชอบ นำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรีในขณะนั้น ต่อมาเมื่อวันที่ 27 กรกฏาคม พ.ศ.2498 ได้มีมติคณะรัฐมนตรีรับหลักการให้จัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้น โดยมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงศึกษาธิการรับไปดำเนินการ ส่วนของค่าใช้จ่ายในการจัดงานนั้น ได้อนุมัติเงินจากกองสลากกินแบ่งรัฐบาลมาดำเนินการ
ดังนั้น ในวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ.2498 ประเทศไทยจึงมีงานเฉลิมฉลองวันเด็กแห่งชาติเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก จากนั้นเป็นต้นมาทางราชการได้กำหนดวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมของทุกปีเป็นวันเด็กแห่งชาติสำหรับประเทศไทย และจัดติดต่อกันมาจนถึงปี พ.ศ.2506 ที่ประชุมคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติในปีนั้นมีความเห็นพ้องต้องกันว่าสมควรที่จะเสนอเปลี่ยนวันจัดงานวันเด็กแห่งชาติเสียใหม่เพื่อความเหมาะสมด้วยเหตุผลว่า ในเดือนตุลาคมสำหรับประเทศไทยเราเป็นเดือนที่ยังอยู่ในฤดูฝน มีฝนตกมาก เด็ก ๆ ไม่สะดวกในการมาร่วมงาน ประการต่อไปก็คือ วันจันทร์เป็นวันปฎิบัติงานของผู้ปกครองจึงไม่สามารถพาเด็กของตนไปร่วมงานได้ ตลอดจนการจราจรก็ติดขัด จึงเห็นว่าควรจะเปลี่ยนไปเป็นวันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคมเสียทุกสิ่งทุกอย่างได้สะดวกสบายขึ้น และมีความเหมาะสมมากกว่า
จากข้อเสนอดังกล่าว คณะรัฐมนตรีในขณะนั้นมีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติเสนอมา ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2507 จึงประกาศเปลี่ยนงานฉลองวันเด็กแห่งชาติจากวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม มาเป็นวันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคมตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นมา ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้ปี พ.ศ. 2507 ไม่มีงานวันเด็กแห่งชาติด้วยการประกาศเปลี่ยนได้เลยวันมาแล้ว งานวันเด็กแห่งชาติได้เริ่มจัดขึ้นมาใหม่อีกครั้งในปี พ.ศ.2508 และจัดเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
วัตถุประสงค์ของการจัดงาน วันเด็กแห่งชาติ
1. เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของเด็ก สนใจในการเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนเด็ก และช่วยเหลือสงเคราะห์เด็กเป็นพิเศษ
2. เพื่อให้เด็กและและเยาวชนยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
3. เพื่อให้เด็กรู้จักหน้าที่ของตน และอยู่ในระเบียบวินัยอันดี
4. เพื่อเผยแพร่ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิของเด็ก
ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิเด็กและเยาวชน ขององค์การสหประชาชาติ วันเด็กแห่งชาติ
ข้อ 1. : เด็กและเยาวชนพึงได้รับสิทธิเท่าเทียมกันโดยปราศจากการแบ่งแยกหรือกีดกัน ไม่ว่าโดยวิธีใด ๆ ในเรื่อง เชื้อชาติ ผิว เพศ ภาษา ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง เผ่าพันธุ์แห่งชาติหรือสังคมทรัพย์สิน กำเนิด หรือสถานะอื่น ๆ ไม่ว่าจะของเด็กหรือของครอบครัวก็ตาม
ข้อ 2. : เด็กและเยาวชนพึงได้รับการพิทักษ์คุ้มครองเป็นพิเศษอันจะช่วยให้เด็กสามารถพัฒนาทั้งทางกาย ทางสมอง และจิตใจเพื่อให้ร่วมอยู่ในสังคมได้อย่างปกติชน
ข้อ 3. : เด็กและเยาวชนมีสิทธิที่จะได้มีชื่อ และมีสัญชาติ แต่กำเนิด
ข้อ 4. : เด็กและเยาวชนพึงได้รับความมั่นคงทางสังคม และเติบโตอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นทั้งแม่และเด็กควรได้รับการดูแลและคุ้มครองเป็นพิเศษ ทั้งเมื่ออยู่ในครรภ์ และภายหลังเมื่อคลอดแล้วโดยได้รับสิทธิในเรื่องที่อยู่อาศัย ได้รับอาหาร ได้รับการดูแลทางแพทย์ และโดยเฉพาะเด็ก ๆ ให้ได้รับการเล่นรื่นเริงเพลิดเพลินด้วย
ข้อ 5. : เด็กและเยาวชนที่พิการทั้งทางร่างกาย สมอง และจิตใจ มีสิทธิที่จะได้รับการรักษาพิเศษ หมายถึงการดูแลรักษาและการศึกษาที่เหมาะสมกับสภาวะของเด็กโดยเฉพาะ
ข้อ 6. : เด็กและเยาวชนพึงได้รับความรัก และความเข้าใจอันจะช่วยพัฒนาบุคลิกของตน โดยเติบโตอยู่ในความรับผิดชอบของบิดา มารดาของเด็กเอง และในทุกกรณีเด็กจะต้องอยู่ในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความรักความอบอุ่นปลอดภัย และไม่พลัดพรากจากพ่อแม่ในกรณีที่เด็กไม่มีครอบคร้ว หรือมาจากครอบครัวที่ยากจน และมีลูกมากก็จะได้รับความช่วยเหลือเป็นพิเศษ จากรัฐหรือองค์การต่าง ๆ
ข้อ 7. : เด็กและเยาวชนมีสิทธิที่จะได้รับการศึกษาซึ่งครูควรจะจัดให้เปล่าอย่างน้อยในชั้นประถมศึกษา เพื่อเป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมโดยทั่ว ๆ ไป และให้เด็กเติบโตเป็นสมาชิกผู้ยังประโยชน์ต่อสังคมคนหนึ่ง การศึกษานี้คลุมไปถึงการแนะแนวทางชีวิต ซึ่งมีบิดามารดาเป็นผู้รับผิดชอบก่อนบุคคลอื่น ๆ เด็กจะต้องมีโอกาสได้รับควาาามสนุกสนานเพลิดเพลิน จากการเล่นและรื่นเริงพร้อมกันไปด้วย
ข้อ 8. : เด็กและเยาวชนจะเป็นบุคคลแรกที่ได้รับการคุ้มครองและสงเคราะห์ในทุกกรณี
ข้อ 9. : เด็กและเยาวชนพึงได้รับการปกป้องให้พ้นจากการถูกทอดทิ้ง จากความโหดร้ายทารุณ และการถูกข่มเหง รังแกทุกชนิด เด็กจะต้องไม่กลายเป็นสินค้า ไม่ว่าในรูปใดจะต้องไม่มีการรับเด็กเข้าทำงานก่อนวัยอันสมควร ไม่มีการกระทำใด ๆ อันจะมีชักจูงหรืออนุญาติเด็กให้จำต้องรับจ้างทำงาน ซึ่งอาาจะเป็นผลร้ายต่อสุขภาพของเด็ก หรือเป็นเหตุให้การพัฒนาทางกายทางสมองและทางจิตใจของเด็กต้องเสื่อมลง
ข้อ 10. : เด็กและเยาวชนพึงได้รับการคุ้มครองให้พ้นจากการกระทำที่แสดงถึงการกีดกัน แบ่งแยกไม่ว่าทางเชื้อชาติ ศาสนาหรือรูปใด ๆ เด็กจะต้องได้รับการเลี้ยงดูให้เติบโตขึ้นมา ” ในภาวะแห่งจิตที่เต็มไปด้วยความเข้าอกเข้าใจ และมีการหย่อนหนักหย่อนเบามิตรภาพระหว่างชนชาติต่าง ๆ สันติภาพ และภาพสากล และด้วยการสำนึกเต็มที่ว่าพละกำลังและความสารถพิเศษในตัวเขา ควรจะอุทิศเพื่อรับใช้เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน”
คำขวัญ วันเด็กแห่งชาติ พ.ศ. 2499-2557
ในปี พ.ศ. 2502 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้เห็นคุณค่าความสำคัญ ของเด็ก จึงมอบคำขวัญให้เป็นข้อคิด สำหรับเด็ก นายกรัฐมนตรี ในสมัยต่อๆมา จึงได้ถือปฎิบัติสืบต่อมาดังต่อไปนี้
- คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ. 2499 โดย จอมพล ป.พิบูลสงคราม
จงบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและส่วนรวม - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2502 โดย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์
ขอให้เด็กสมัยปฎิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความก้าวหน้า - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2503 โดย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์
ขอให้เด็กสมัยปฎิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความสะอาด - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2504 โดย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์
ขอให้เด็กสมัยปฎิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่อยู่ในระเบียบวินัย - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2505 โดย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์
ขอให้เด็กสมัยปฎิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่ประหยัด - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2506 โดย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์
ขอให้เด็กสมัยปฎิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่มีความขยันหมั่นเพียร - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2507 – งดจัดงานวันเด็ก –
- คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2508 โดย จอมพลถนอม กิตติขจร
เด็กจะเจริญต้องรักเรียนและเพียรทำดี - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2509 โดย จอมพลถนอม กิตติขจร
เด็กที่ดีต้องมีสัมมาคารวะ มานะบากบั่น และสมานสามัคคี - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2510 โดย จอมพลถนอม กิตติขจร
อนาคตของชาติจะสุกใส หากเด็กไทยแข็งแรง เรียนดี และ มีความประพฤติเรียบร้อย - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ. 2511 โดย จอมพลถนอม กิตติขจร
ความเจริญและความมั่นคงของไทยในอนาคต ขึ้นอยุ่กับเด็กที่มีวินัย เฉลียวฉลาด และรักชาติยิ่ง - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2512 โดย จอมพลถนอม กิตติขจร
รู้เรียน รู้เล่น รู้สามัคคี เป็นความดีที่เด็กพึงจำ - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2513 โดย จอมพลถนอม กิตติขจร
เด็กประพฤติดีและศึกษาดีทำให้มีอนาคตแจ่มใส - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ. 2514 โดย จอมพลถนอม กิตติขจร
ยามเด็กจงหมั่นเรียน เพียรกระทำดี เติบใหญ่จะได้มีความสุขความเจริญ - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2515 โดย จอมพลถนอม กิตติขจร
เยาวชนฝึกตนดี มีความสามารถ - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2516 โดย จอมพลถนอม กิตติขจร
เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2517 โดย นายสัญญา ธรรมศักดิ์
สามัคคี คือ พลัง
- คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2518 โดย นายสัญญา ธรรมศักดิ์
เด็กคือทายาทของชาติไทย ต้องร่วมใจร่วมพลังสร้างความดี - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2519 โดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช
เด็กที่ต้องการเห็นอนาคตของชาติรุ่งเรือง จะต้องทำตัวให้ดี - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2520 โดย นายธานินทร์ กรัยวิเชียร
รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็น คุณสมบัติของเยาวชนไทย - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2521 โดย พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์
เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติมั่นคง - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2522 โดย พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์
เด็กไทยคือหัวใจของชาติ - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2523 โดย พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์
อดทน ขยัน ประหยัด เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2524 โดย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
เด็กไทยมีวินัย ใจซื่อสัตย์ รู้ประหยัด เคร่งครัดคุณธรรม - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2525 โดย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
ขยัน ศึกษา ใฝ่หาความรู้ เชิดชูชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2526 โดย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
รู้หน้าที่ ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด มีวินัย และคุณธรรม - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2527 โดย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
รักวัฒนธรรมไทย ใฝ่ดี มีความคิด สุจริต ใจมั่น หมั่นศึกษา - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ. 2528 โดย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
สามัคคี มีวินัย ใฝ่คุณธรรม
- คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2529 โดย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
นิยมไทย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2530 โดย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2531 โดย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ
นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2532 โดย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ
รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2533 โดย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ
รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2534 โดย นายอานันท์ ปันยารชุน
รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่คุณธรรม นำชาติพัฒนา - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2535 โดย นายอานันท์ ปันยารชุน
สามัคคี มี วินัย ใฝ่ศึกษา จรรยางาม - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2536 โดย นายชวน หลีกภัย
ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2537 โดย นายชวน หลีกภัย
ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2538 โดย นายชวน หลีกภัย
สืบสานวัฒนธรรมไทย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2539 โดย นายบรรหาร ศิลปอาชา
มุ่งหาความรู้ เชิดชูความเป็นไทย หลีกไกลยาเสพติด - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2540 โดย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ
รู้คุณค่าวัฒนธรรมไทย ตั้งใจใฝ่ศึกษา ไม่พึ่งพายาเสพติด - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2541 โดย นายชวน หลีกภัย
ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2542 โดย นายชวน หลีกภัย
ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2543 โดย นายชวน หลีกภัย
มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2544 โดย นายชวน หลีกภัย
มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2545 โดย พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร
เรียนให้สนุก เล่นให้มีความรู้ สู่อนาคต ที่สดใส - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2546 โดย พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร
เรียนรู้ตลอดชีวิต คิดอย่างสร้างสรรค์ ก้าวทันเทคโนโลยี - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2547 โดย พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร
รักชาติ รักพ่อแม่ รักเรียน รักสิ่งดี ๆ อนาคตดีแน่นอน - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2548 พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร
เด็กรุ่นใหม่ต้องขยันอ่าน ขยันเรียน กล้าคิด กล้าพูด - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2549 โดย พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร
อยากฉลาด ต้องขยันอ่าน ขยันคิด - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ.2550 โดย พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์
มีคุณธรรมนำใจ ใช้ชีวิตพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ. 2551 โดย พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์
สามัคคี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ เชิดชูคุณธรรม - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ. 2552 โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
“ฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน ผูกพันรักสามัคคี” - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ. 2553 โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
“คิดสร้างสรรค์ ขยันใฝ่รู้ เชิดชูคุณธรรม” - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ. 2554 โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
“รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ” - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ. 2555 โดย นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
“สามัคคี มีความรู้คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี” - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ. 2556 โดย นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
“รักษาวินัย ใฝ่เรียนรู้ เพิ่มพูนปัญญา นำพาไทยสู่อาเซียน” - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ. 2557 โดย นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
“กตัญญู รู้หน้าที่ เป็นเด็กดี มีวินัย สร้างไทยให้มั่นคง” - คำขวัญวันเด็กปี พ.ศ. 2558 โดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
“ความรู้คู่คุณธรรม นำสู่อนาคต ”
เรียบเรียงข้อมูลจาก :
1. http://www.tlcthai.com/education/history-of-thailand/4403.html
2. http://th.wikipedia.org/wiki/วันเด็กแห่งชาติ_ประเทศไทย
ภาพประกอบจาก : http://www.nmt.or.th/phatthalung/thamadua/2556/วันเด็ก47.gif