บทสวดมหาจักรพรรดิ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุท ธัสสะ (3 ครั้ง)
[สวดตามกำลังวัน อาทิตย์ 6 จบ, จันทร์ 15 จบ, อังคาร 8 จบ, พุธ 17 จบ, พฤหัส 19 จบ, ศุกร์ 21 จบ, เสาร์ 10 จบ]
นะโมพุทธายะ พระพุทธะ ไตรรัตนะญาณ
มณีนพรัตน์ สีสะหัสสะ สุธรรมา
พุทโธ ธัมโม สังโฆ ยะธาพุทโมนะ
พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา
อัคคีทานัง วะรังคันธัง สีวลี จะมหาเถรัง
อะหังวันทามิ ทูระโต อะหังวันทามิ ธาตุโย
อะหังวันทามิ สัพพะโส
พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ
นะโมพุทธายะ
หมายถึง ข้าพเจ้าขอนอบน้อมบูชา ต่อพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์
คือ นะ (พระกกุสันธะ), โม (พระโกนาคม), พุท (พระกัสสป), ธา (พระสมณโคดม), ยะ (พระศรีอริยเมตไตรย)
พระพุทธไตรรัตนะญาณ
หมายถึง พระพุทธเจ้าซึ่งมีพระญาณแก้วทั้งสาม
อันหมายถึง ปุพเพนิวาสานุสติญาณ, จุตูปปาตญาณ, อาสวักขยญาณ
มณีนพรัตน์
หมายถึง สมบัติจักรพรรดิ
(อันได้แก่สมบัติหลัก 7 ประการ)
ได้แก่ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว ขุนพลแก้ว ขุนคลังแก้ว นางแก้ว แก้วมณี)
สีสะหัสสะสุธรรมา
สีสะ แปลว่า ความคิด
หัสสะ แปลว่า มือ ก็คือ การกระทำ
สุธรรมา คือ การรู้ทั้ง 3 โลกธาตุ
รวมความคือ การคิดและลงมือทำ แจกแจงหลักธรรม จนรู้ทั่วทั่ง 3 โลก
พุทโธ ธัมโม สังโฆ
หมายถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ยะธาพุทโมนะ
หมายถึง ขอพระพุทธเจ้าปางมหาจักรพรรดิ ซึ่งมีชัยแก่พญาชมพูผู้มีฤทธิ์มาก
พร้อมทั้งพระธรรมและพระสงฆ์ จงบังเกิดขึ้น ณ บัดนี้ด้วยเทอญ
พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา
หมายถึง การบูชาพระรัตนตรัย
อัคคีทานัง วะรังคันธัง
หมายถึง ด้วยสิ่งเหล่านี้ ได้แก่ ธูป เทียน ไฟ หรือแสงสว่าง และของหอมทั้งมวล มีดอกไม้และน้ำอบ เป็นต้น
สีวลี จะ มหาเถรัง
หมายถึง ขอนมัสการพระสีวลีเถระเจ้า ผู้เป็นเลิศทางลาภสักการะ
อะหังวันทามิ ทูระโต อะหังวันทามิ ธาตุโย
หมายถึง ขอนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุทั้งหลาย ทั่วทั้งแสนโกฏิจักรวาล
อะหังวันทามิ สัพพะโส
หมายถึง ขอนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ
หมายถึง ซึ่งเป็นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ด้วยเทอญ
บทสวดพระคาถามหาจักรพรรดิ
เป็นการสวดไหว้พระพุทธเจ้าทั่วทั้งพระนิพพาน ตลอดจนถึงพระธรรมเจ้าและพระโพธิสัตว์เจ้า พระอริยะสงฆ์สาวกทั้งมวลไหว้พระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์รวมถึงน้อมนำกำลังของเทพพรหมพระอริยะเจ้าทั้งหลาย
การสวดครั้งหนึ่ง เป็นการดึงกำลังของพระเจ้าจักรพรรดิทุกๆพระองค์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต รวมถึงกำลังของพระมหาโพธิสัตว์เจ้ามารวมกัน อาราธนาเข้าที่กายและใจ และรวมกำลังของพระโพธิญานโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลายตั้งแต่อดีต ถึง ปัจจุบัน และอนาคต
การสวดครั้งหนึ่งมีอานิสงค์แผ่ไปทั่วจักรวาล สามแดนโลกธาตุสามารถแผ่บุญไปทั่วทุกสรรพสัตว์ตลอดจนเทวดาประจำตัวเรา ญาติมิตรเพื่อนฝูงครอบครัวเจ้ากรรมนายเวรและหากนำบทสวดนี้ไปสวดในนรกหรือแผ่ไปไฟนรกจะดับชั่วขณะ
บทนี้เป็นการสร้างกำแพงแก้วคุ้มกันตัว รวมถึงการอาราธนาบารมีครูบาอาจารย์พระพุทธพระธรรมพระสงฆ์อัญเชิญเข้าตัวเพื่อป้องกันภัยและสร้างมหาโชค-มหาลาภ
อานิสงค์แก่ผู้สวดมีทั้งมหาบุญ-มหาลาภ เนื่องจากมีการกล่าวถึงพระสีวลี รวมถึงบทนี้มีพลังงานอย่างยิ่งในการเจริญพระกรรมฐาน หากนำไปสวดบริกรรมก่อนหรือระหว่างนั่งภาวนากรรมฐาน จะทำให้การภาวนามีพุทธานุภาพมาคลุม และคุมการปฏิบัติของเรา คลุมกายและจิตเราเป็นวิมานทิพย์(ครอบวิมานให้ตัวเองหรือสวดอธิษฐานครอบคนอื่นก็ได้)
หากสวดบทนี้ สามารถอธิษฐานเรื่องราวใดๆมี่ติดข้องใจได้ให้ผ่านพ้นไปอย่างทะลุปรุโปร่ง กล่าวโดยสรุปได้ว่าคาถาจักรพรรดินี้ จากการเรียบเรียงถ้อยคำโดยหลวงปู่ดู่ท่าน ก่อให้เกิด จักรพรรดิ กำลังจักรพรรดิขึ้นด้วยในบทสวด พระคาถาครอบจักรวาล(5)
พระคาถามหาจักรพรรดิที่หลวงปู่ดู่แต่งขึ้นมานั้น นอกจากท่านจะได้ทำการอธิษฐานบารมีให้ผู้สวดได้รับพลังจากพระรัตนตรัย อย่างมหาศาลแล้ว ยังก่อให้เกิด “พุทธนิมิต” เป็นวิมานแก้วพระพุทธเจ้า มาครอบสถิตผู้สวดด้วย โดยมีลักษณะเป็นมณฑปแก้วจัตุรมุข ปรากฎฉัพพรรณรังสีหกประการ สว่างไสวพร้อมด้วยโพธิสัตตราวุธทั้ง 4 ประการ ประจำอยู่ทั้ง 4 ทิศ ได้แก่ พระมหามงกุฎ ตรีศูล จักรแก้ว และ พระขรรค์เพชร ทั้งหมดล้วนเป็นของคู่บุญบารมี ของพระศรีอาริย์โพธิสัตว์ โดยมี “พระมหามงกุฎ” เป็นศิราภรณ์ที่เปี่ยมไปด้วยบุญฤทธิ์ (หลวงปู่บุดดา ถาวโร พระอรหันต์ระดับจตุปฎิสัมภิทาญาณ ได้เคยนำมาถวายหลวงปู่ดู่เป็นพุทธบูชาอีกองค์หนึ่งด้วย)
ส่วนอาวุธที่เหลือทั้ง 3 ล้วนเป็นเทพศาสตราวุธชั้นสูง มีไว้เพื่อประดับบารมีแห่งพระโพธิสัตว์ และเปี่ยมไปด้วยอิทธิฤทธิ์อย่างยิ่ง หากสวดเป็นประจำสามารถอธิษฐานให้เกิดเป็นองค์พระพุทธนิมิตปางมหาจักรพรรดิได้ ซึ่งเปี่ยมไปด้วยอิทธิฤทธิ์และบุญฤทธิ์ มีความศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก ประดับด้วยเครื่องทรงแห่งพระมหาจักรพรรดิอย่างวิจิตรอลังการ เปล่งรัศมีหลากสีด้วยแสงแห่งรัตนอัญมณี เรียกว่า “พระมหาวิษิตาภรณ์” มาครอบสถิตผู้ภาวนา บารมีของหลวงปู่ดู่ที่ท่านน้อมนำอธิษฐานจิต จึงมีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก เพราะท่านใช้บารมีทั้งหมดของท่านอัญเชิญกระแสบารมีแห่งพระรัตนตรัย และตั้งองค์พระพุทธนิมิตปางมหาจักรพรรดิบรรจุลงไปในวัตถุมงคลที่บารมีท่านมาประจุอีกด้วย
เรียบรียงจาก :
1. หนังสือมิติแห่งโลกวิญญาณและการสร้างบารมี(6)
2. http://buddhapoom.com/index.php?topic=17.0
นวัตกรรมประชาธิปไตย เพื่อพัฒนาประชาธิปไตยเชิงคุณภาพ ปี 2562 โรงเรียนนารายณ์คำผงวิทยา : เรื่อง เจริญธรรมาธิปไตย หลอมเยาวชนไทยเข้มแข็ง